ผู้สนับสนุน



ส่งออกติดลบประเทศไม่วิกฤติ!


ยึดอังกฤษแม่แบบผลักดันท่องเที่ยวสร้างรายได้
“สมคิด” ยืนยันภาคส่งออกติดลบไม่ทำให้ประเทศไทยเกิดวิกฤติ ยกประเทศอังกฤษเปรียบเทียบ ที่ส่งออกติดลบต่อเนื่อง 10 ปียังอยู่ดี เพราะสามารถสร้างเศรษฐกิจในประเทศให้เข้มแข็งและมีรายได้จากการท่องเที่ยว ดังนั้นประเทศไทยจะเดินหน้าสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวทั้งจากต่างชาติและ คนไทย มั่นใจอีก 3 ปีต่างชาติเที่ยวไทยแตะ 50 ล้านคนจะมีรายได้มหาศาล
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงปัญหาส่งออกที่ติดลบและนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคมและเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) พูดถึงตัวเลขส่งออกของไทยว่าถ้าติดลบติดต่อกัน 3 ปีแล้วจะทำให้เกิดวิกฤติว่า นายอาคมไม่เจตนา แต่ต้องการเตือน ว่าถ้าการส่งออกปีที่แล้ว ปีนี้ และในอีกปีข้างหน้ายังติดลบ จะเกิดความลำบาก ฉะนั้นอย่าตื่นตระหนกและต้องดูปีที่แล้วทั้งปีว่าไม่ได้ติดลบทุกเดือนมีทั้ง ลบและบวกสลับกัน และสุดท้ายปี 56 ส่งออกติดลบรวม 0.43% ส่วนปีนี้แม้ จะติดลบต่อเนื่องแต่ต้องดูว่าใน 20 ประเทศที่มียอดส่งออกสูงสุด และมีทิศทางหดตัวนั้น ประเทศไทยอยู่ในอันดับ 5 และรวม ม.ค.-ส.ค.ติดลบในระดับ 4.92% ขณะที่ประเทศอื่นติดลบกันบานทะโรค
ฉะนั้นประเทศไทยถือว่าเก่งมาก แสดงว่าพื้นฐานสินค้าส่งออกของไทยค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่เนื่องจากเศรษฐกิจโลกซบเซา ทำให้การส่งออกตกลงทั้งโลก อย่างไรก็ตาม ในเดือน ส.ค.57 สินค้า เกษตรของไทยส่งออกได้เพิ่มมากขึ้น แต่เนื่องจากราคาตกต่ำ มูลค่าจึงน้อยลง ขณะที่อุตสาหกรรมยาน– ยนต์บวก 7% จึงชี้ชัดว่ามีแนวโน้มสัญญาณที่ดี และตัวเลขเศรษฐกิจมหภาคของสหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา มีแนวโน้มดีขึ้น เพราะฉะนั้นการติดลบช่วงเดือน ม.ค.-ส.ค.2558 ที่ 4.92% ซึ่งเมื่อหัก การส่งออกน้ำมันและทองคำ ติดลบ 2.9% หากทำได้อย่างนี้จะค่อยๆตีกลับมา แต่สิ่งสำคัญเมื่อภาคส่งออกกลับมาในแดนบวกแล้ว การจะเห็นส่งออกที่ขยายตัว 15 หรือ 20% เหมือนในอดีตคงไม่ได้อีกแล้ว เนื่องจากสินค้าส่งออกเราเริ่มแข่งขันไม่ค่อยได้
“สิ่งนี้เป็นเหตุผลที่ผมเข้ามาบริหารเศรษฐกิจในช่วง 1 เดือนนี้จึงพยายามเดิน 2 เส้นทาง โดยการสร้างเศรษฐกิจภายในประเทศให้แข็งแกร่ง มุ่งพัฒนาท้องถิ่นระดับชุมชน เอาสิ่งนี้มาสร้างความสมดุลกับเศรษฐกิจภายนอกประเทศให้ได้ หากดูดีๆ ถ้าปีหน้าเศรษฐกิจโลกดีขึ้นเราก็มีโอกาสตีกลับ แต่ช่วงที่ผมเข้ามา 1 เดือน มีมาตรการออกไปเมื่อ 2 สัปดาห์เม็ดเงินภายในยังไหลไม่ถึงข้างล่าง แต่ในอีก 3 เดือน เมื่อเม็ดเงินลงไปถึงข้างล่างแล้วจะช่วย หล่อเลี้ยงการบริโภคระดับท้องถิ่นได้ ซึ่งในส่วนนี้ อยู่ที่ความสามารถของรัฐบาลในการผลักดันเงินลงไปได้หรือไม่ด้วย”
นายสมคิดยังได้ยกตัวอย่างประเทศอังกฤษว่าการส่งออกติดลบเป็น 10 ปี แต่ไม่เกิดปัญหาวิกฤติ ฉะนั้นประเทศไทยไม่ต้องกลัวว่าส่งออกติดลบ 3 ปีแล้วจะเกิดวิกฤติ โดยในปัจจุบันประเทศอังกฤษมีนักท่องเที่ยวต่างชาติปีละ 35 ล้านคน มีรายได้ 1.4 ล้านล้านบาท ในขณะที่ประเทศไทยปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 30 ล้านคนมีรายได้ 1.4 ล้าน ล้านบาทเช่นกัน แสดงให้เห็นว่านักท่องเที่ยวต่างชาติมีการใช้จ่ายในไทยมากกว่าอังกฤษ และเป้าหมายของไทยจะสร้างนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพและเป็นกลุ่มไฮเอนด์ให้ มากขึ้น แม้กระทั่งนักท่องเที่ยวจีนก็มองไปยังกลุ่มที่มีการใช้จ่ายสูง อีกทั้งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดว่าในอีก 3 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติถึง 50 ล้านคน ลองคิดดูว่ารายได้จะมากมายมหาศาลแค่ไหน
ดังนั้น จึงได้หารือกับนางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา และนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้เร่งวางโครงสร้างพื้นฐานและบริหารจัดการเพื่อรองรับการท่องเที่ยวจากต่าง ชาติและไม่ต้องกลัวว่าจะรองรับไม่ได้ เพราะตัวอย่างประเทศฝรั่งเศสมีนักท่องเที่ยวถึง 84 ล้านคน ยังสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้อย่างดี โดยที่ไม่มีอะไรเสียหาย จึงอยู่ที่การบริหารจัดการ ขณะเดียวกัน ต้องเร่งสร้างแหล่งท่องเที่ยวในชุมชน เพื่อเป็นการสร้างความเข้มแข็งของชาวบ้าน และผลักดันให้คนไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น เพื่อสร้างรายได้จากคนไทยด้วยกันเอง ซึ่งตรงนี้เป็นการสร้างความเข้มแข็งจากภายในได้อย่างดี ช่วงเวลา 3 ปีถ้ามีการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นขึ้นมาได้ก็จะเกิดการเติบโตอย่างมีดุลยภาพ
“รายได้รวมของภาคท่องเที่ยวในปีนี้จะส่งถึง 2.2 ล้านล้านบาท เป็นตัวเลขที่สูงมาก ทั้งส่งออกและท่องเที่ยวถือว่าเป็นภาคบริการ เมื่อรู้ว่าท่องเที่ยวยังเป็นแม่เหล็กสำหรับประเทศไทยก็ต้องเน้นพัฒนาแหล่ง ท่องเที่ยวที่ดีมีคุณภาพ เชื่อว่าไตรมาสสุดท้ายของปีนี้หรือในอีก 6 เดือน อยู่ที่ภาคเอกชนจะสู้แค่ไหน ประเทศไม่ได้ส่งออก เอกชนต่างหากซึ่งเป็นผู้ส่งออก และหากภาคเอกชนมั่นใจและทำการลงทุนได้มากกว่านี้เศรษฐกิจก็จะฟื้นได้มากขึ้น และในไม่ช้ากระทรวงการคลังจะออกมาตรการจูงใจการลงทุน เพื่อพยายามให้ทุกอย่างเข้าสู่ปกติโดยเร็ว ผมเข้าใจดีว่าการประคับประคองความมั่นใจของคนเป็นเรื่องที่เหนื่อยและยาก แต่อยากให้ช่วยกันเพราะเราเจอเรื่องร้ายๆมา 10 ปีแล้ว”.

ผู้สนับสนุน