นายไพบูลย์ นลินทรางกูร นายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน และ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ทิสโก้ กล่าวว่า จากการโรดโชว์ในงาน Global
Emerging Market ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา พบว่า
นักลงทุนต่างชาติและผู้จัดการกองทุนให้ความสนใจสอบถามถึงสถานการณ์การเมือง
ของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งแผนโรดแมป การร่างรัฐธรรมนูญและการจัดการเลือกตั้ง
โดยนักลงทุนต่างชาติอยากเห็นความต่อเนื่องทางการเมืองของไทย
และให้มีเลือกตั้งโดยเร็ว
นอกจากนี้ยังให้ความสนใจแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลว่า
จะมีการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างไรบ้าง
รวมถึงการลงทุนโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ ซึ่งหากการลงทุนโดยเร็ว
จะสามารถเรียกความเชื่อมั่นได้
นายไพบูลย์ กล่าวว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลถือเป็นเรื่องสำคัญกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้น ตัว ซึ่งหากมีการอัดฉีดเม็ดเงินได้ตรงจุดถึงกลุ่มผู้มีรายได้น้อย จะมีผลต่อเศรษฐกิจในทันที แต่มีสิ่งที่ต้องจับตามอง คือเมื่อประชาชนได้รับเงินแล้ว จะนำไปประกอบการอาชีพเสริมหรือนำไปใช้หนี้นอกระบบ เพราะหากนำไปเสริมสร้างอาชีพก็จะสามารถสร้างกำลังซื้อให้หมุนเวียนได้หลาย รอบ
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้คาดว่าจะแกว่งตัวในช่วงแคบ ประมาณ 1,400 กว่าจุด เนื่องจากปัจจัยเข้ามากระทบยังไม่มีความชัดเจน โดยเชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟด จะยังคงไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 16-17 กันยายนนี้ เนื่องจาก เศรษฐกิจของสหรัฐยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ และยังไม่พร้อมในการรองรับการขึ้นดอกเบี้ย รวมทั้งเฟดยังไม่ต้องให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่ามากขึ้นกว่านี้ และเห็นว่าตลาดหุ้นไทยระดับปัจจุบันถือว่าราคาถูกลงมาก โดยหุ้นที่น่าสนใจคือหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคในประเทศและค้าปลีก โดยคาดว่าตลาดหุ้นไทยมีทิศทางที่ดีในช่วงปีหน้า เนื่องจากจะมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน มีความชัดเจนในเรื่องการเลือกตั้ง และการเดินหน้าตามโรดแมป
นายไพบูลย์ กล่าวว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลถือเป็นเรื่องสำคัญกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้น ตัว ซึ่งหากมีการอัดฉีดเม็ดเงินได้ตรงจุดถึงกลุ่มผู้มีรายได้น้อย จะมีผลต่อเศรษฐกิจในทันที แต่มีสิ่งที่ต้องจับตามอง คือเมื่อประชาชนได้รับเงินแล้ว จะนำไปประกอบการอาชีพเสริมหรือนำไปใช้หนี้นอกระบบ เพราะหากนำไปเสริมสร้างอาชีพก็จะสามารถสร้างกำลังซื้อให้หมุนเวียนได้หลาย รอบ
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้คาดว่าจะแกว่งตัวในช่วงแคบ ประมาณ 1,400 กว่าจุด เนื่องจากปัจจัยเข้ามากระทบยังไม่มีความชัดเจน โดยเชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟด จะยังคงไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 16-17 กันยายนนี้ เนื่องจาก เศรษฐกิจของสหรัฐยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ และยังไม่พร้อมในการรองรับการขึ้นดอกเบี้ย รวมทั้งเฟดยังไม่ต้องให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่ามากขึ้นกว่านี้ และเห็นว่าตลาดหุ้นไทยระดับปัจจุบันถือว่าราคาถูกลงมาก โดยหุ้นที่น่าสนใจคือหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคในประเทศและค้าปลีก โดยคาดว่าตลาดหุ้นไทยมีทิศทางที่ดีในช่วงปีหน้า เนื่องจากจะมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน มีความชัดเจนในเรื่องการเลือกตั้ง และการเดินหน้าตามโรดแมป